บลูเบอร์รี่ (BLUEBERRY)

บลูเบอร์รี่ (BLUEBERRY)

บลูเบอร์รี่เป็นหนึ่งในลูกผสมสายพันธุ์ indica ดั้งเดิมที่เกิดขึ้นมาในช่วงปลายทศวรรษ 1990โดยเป็นสายพันธุ์ที่ทำให้พันธุกรรมวงศ์บลูทั้งหมดได้รับความนิยมจากธนาคารเมล็ดพันธุ์ดัตช์ แพสชั่น (Dutch Passion) ในอัมสเตอร์ดัม โดยรวมถึงสายพันธุ์อย่าง บลู มูนไชน์ (Blue Moonshine), โฟล (Flo), บลู เวลเว็ต (Blue Velvet) และสายพันธุ์อื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้บลูเบอร์รีก็ได้แชมป์กัญชาของ
High Times luil 2000

การใช้ประโยชน์ทางการแพทย์

เนื่องจากบลูเบอร์รี่มีฤทธิ์ที่แรง แต่ไม่ทำให้รู้สึกถูกครอบงำ เป็นสายพันธุ์ที่ผู้ป่วยที่ไม่เคยใช้กัญชามักจะทนได้ดี มีการอ้างอิงถึงบลูเบอร์รี่ในด้านความสามารถในการทำให้ผู้ที่ทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นได้ ผู้ป่วยบอกว่าบลูเบอร์รี่ลดอาการวิตกกังวล โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในภาวะวิตกกังวลต่อการเข้าสังคมปริมาณแคริโอฟิลลีนที่มีอยู่ทำให้มีประโยชน์สำหรับสภาวะที่ทำให้เกิด
การอักเสบ

หมายเหตุ

สายพันธุ์กัญชาในวงศ์บลูได้รับการพัฒนาและปรับปรุงเป็นครั้งแรกโดยดีเจ ชอร์ต(DJ Short) นักเพาะพันธุ์กัญชาผู้มีพรสวรรค์จากโอเรกอน ซึ่งเริ่มลงมือกับพันธุกรรมพื้นเมืองเม็กซิกันและไทยในช่วงทศวรรษ 1970 ด้วยกลิ่นที่หอมหวานคล้ายผลไม้ที่โดดเด่นและมีกลิ่นสกังค์เพียงเล็กน้อยของบลูเบอร์รี่ ทำให้คำวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่าสายพันธุ์ใบกว้าง
จะให้กลิ่นกัญชาธรรมดาๆ ฉุนๆ เท่านั้นหมดไป ความทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้สายพันธุ์ที่มีฤทธิ์ทางยาที่มีคุณภาพมากกว่าการมีฤทธิ์ที่แรงของดีเจ ชอร์ตทำให้เขาได้สร้างสายพันธุ์กัญชาที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลบางสายพันธุ์ขึ้นมา เขาเป็นอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมผู้ให้คำปรึกษาแก่นักเพาะพันธุ์ที่ดีท่สุดจำนวนหนึ่งในสหรัฐอเมริกา

ในวันนี้ บลูเบอร์รี่ที่ยอดเยี่ยมนั้นหาได้ยาก แต่ก็ยังดูออกได้ง่ายเพราะมีกลิ่นเหมือนผลไม้สมชื่อ เหตุผลหนึ่งที่ทำให้บลูเบอร์รี่เป็นสายพันธุ์ที่หาได้ยากอยู่ที่ปัญหาที่ก่อกวนการเพาะพันธุ์กัญชาสมัยใหม่ทั้งหมด นั่นคือการรักษาเสถียรภาพของสายพันธุกรรมจากเมล็ด
การสร้างสายพันธุ์เพื่อการเพาะพันธุ์ที่มีความเสถียรนั้นใช้เวลานานมาก และเป็นงานที่ใช้แรงงาน การปลูกต้นพืชไม่กี่พันตันเพื่อทำการคัดเลือกไม่ใช่ความพยายามที่รอบคอบนักและเป็นงานที่ทำให้นักเพาะพันธุ์ตกอยู่ในความเสี่ยงที่สูงมาก เมื่อโอเรกอนผ่านกฎหมายกัญชาทางการแพทย์ ดีเจ ชอร์ตร่วมมือกับลูกชายหันกลับมาดูความพยายามในการเพาะพันธุ์ที่ทำให้เกิดเป็นบลูเบอร์รี่รุ่นแรกขึ้นมาในช่วงทศวรรษ 1980 โดยมีความหวังที่จะยืดอายุให้กับความมหัศจรรย์ของพันธุ์ผสมรุ่นแรกๆ ของ
ดีเจ ซอร์ต ผลลัพธ์ที่ได้คือไวต์เทคเกอร์ บลูส์ (Whitetaker Blues)

 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่หลายคนมองว่าเทียบได้กับบลูเบอร์รี่รุ่นแรกของเขา

ประเภท: indica ประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ ประเภท 1

พันธุ์: Cannabis indica ssp. afghanica x cannabis indica ssp. indica.

วันที่ผสมพันธุ์: ช่วงทศวรรษ 1980

พันธุกรรม: พันธุ์ไทย จูสซีฟรุต (Juicy Fruit) (พันธุ์พื้นเมือง) x เพอร์เพิลไทย (Purple Thai) (ไฮแลนด์ วาฮากัน (Highland Oaxacan) x ช็อกโกแลต ไทย(Chocolate Thai) x อัฟกัน (Afghan) พันธุกรรมของบลูเบอร์รีส่วนใหญ่ได้รับมากจากสายพันธุ์ไทยสติก (Thai Stick) อันยอดเยี่ยมในยุคสงครามเวียดนาม พันธุกรรมของพันธุ์ไทยที่มีอยู่ก่อนหน้านั้นจากช่วงกลางทศวรรษที่ 1960 มักจะมีกลิ่นซิตรัสหรือกลิ่นผลไม้ ขณะ
ที่พันธุกรรมของพันธุ์ไทยในยุคต่อมาจะมีกลิ่นคล้ายโกโก้ สายพันธุ์เหล่านี้เป็นวงศ์ sativaบริสุทธิ์จากเขตร้อนที่ปลูกอยู่ในดินแดนสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นพื้นที่บริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตฝิ่น พม่า กัมพูชา ลาว และเวียดนามล้วนผลิตกัญชาที่มีคุณภาพดีเยี่ยมตลอดช่วงทศวรรษ 1970 พื้นที่แถบวาฮากาของเม็กซิโกผลิตอะคาปุลโคโกลด์ (Acapulco Gold) และกัญชาบางชนิดที่มีใบเรียวกว่าที่เป็นหนึ่งในสายพันธุ์สีม่วงรุ่นแรกๆ ที่นำมายังสหรัฐอเมริกา

ข้อมูลสารเทอร์ปืน: มีเมอร์ซีนมากที่สุด โดยมีแคริโอฟิลลีนและอัลฟา-ไพนีนมากเป็นอันดับสอง และมีลินาโลออลมากเป็นอันดับสาม เป็นเอ็นทูราจที่น่ารักมาก ซึ่งมีความหวานที่สมดุลพร้อมกับมีกลิ่นผมไม้และเครื่องเทศที่โดดเด่น

สายพันธุ์ที่คล้ายกัน: บลู ดรีม (Blue Dream), บลูเบอร์รี่
ซาติวา (Blueberry Sativa), โฟล (Flo), บลู เวลเว็ต (Blue Velvet), บลู มูนไชน์ (Blue Moonshine), ไวต์เทคเกอร์ บลูส์ (Whitaker Blues)

การวางจำหน่าย: บลูเบอร์รี่มีจำหน่ายโดยตรงจากดีเจชอร์ต ณ ชั้นเรียนการเพาะปลูกกัญชาทางการแพทย์ของเขาในสหรัฐอเมริกา และ Dutch Passion ก็ขายบลูเบอร์รี่รุ่นของตนอยู่เช่นกัน
ความง่ายในการปลูก: ปานกลาง ใช้เวลาออกดอก7-8สัปดาห์
กลิ่น: กลิ่นบลูเบอร์รี่และมีกลิ่นเครื่องเทศเล็กน้อย
รสชาติ: ผลไม้รสเผ็ด
ความแรง: มี THC 14 ถึง 16 เปอร์เซ็นต์ และพิสูจน์ได้ว่าคุณภาพและความแรงที่สูงนั้นไม่เกี่ยข้องกัน
ระยะเวลาที่ออกฤทธิ์: ยาวนาน
ฤทธิ์ต่อจิตประสาท: พันธุกรรมของดีเจชอร์ตทั้งหมดมีความสำคัญสำหรับคุณภาพของการออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท บลูเบอร์รี่ทำให้เห็นว่าสายพันธุ์เมอร์ซีนสามารถให้ หน้าที่
การทำให้มึนเมาได้ แม้ว่าพืชชนิดนี้จะมีรูปทรงอัฟกันที่เด่นชัด แต่ก็มีฤทธิ์ของแคริโอฟิลลีนและไพนีนที่มาจากบรรพบุรุษอย่างวาฮากัน (Oaxacan) และไทย (Thai) อยู่ด้วย
ฤทธิ์ระงับปวด: ปานกลาง
ฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ: เด่น
ฤทธิ์แยกตัวออกจากปัจจุบัน: ไม่มี
ฤทธิ์กระตุ้นความรู้สึก: ผู้ป่วยส่วนใหญ่พบว่าสายพันธุ์นี้มีฤทธิ์กระตุ้นความรู้สึกและทำให้ผ่อนคลายอย่างสร้างสรรค์ โดยมีการกดประสาทที่มากเกิน และยังเป็นสายพันธุ์ที่ดีสำหรับการกระตุ้นความอยากอาหารเมื่อให้ในขนาดที่น้อย
ฤทธิ์กดประสาท: ออกฤทธิ์นุ่มนวลเมื่อใช้ตอนกลางคืนหรือก่อนนอนพักตอนกลางวัน

Share:

Facebook
Twitter
Pinterest
VK

Table of Contents